ภาคอีสาน ปลูกง่าย โตไว

  • ผักขวง

จัดเป็นวัชพืชตามพื้นที่ชุ่มชื้นหรือพื้นที่เกษตรที่มักไม่ค่อยมีใครสนใจ ชอบดินชุ่มชื้น มีอินทรียวัตถุ แสงแดดรำไร ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด หรือหาต้นมาปลูก ปล่อยให้เติบโตจนติดผลและปล่อยให้ร่วงลงดิน ไม่นานก็จะมีผักขวงต้นเล็ก ๆ เกิดขึ้นมาใหม่ แตกแขนงทอดเลื้อยไปตามผิวดิน เพียงแค่หมั่นรดน้ำให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอก็เก็บกินได้ตลอดปี แถมเป็นไม้คลุมดินได้อย่างดีด้วย ชาวอีสานนิยมนำมาใส่ในแกงปลาช่อนย่าง แกงเลียง หรือกินสดกับลาบ ก้อย น้ำพริก มีรสขมมาก สมชื่อ “สะเดาดิน” ถ้าลวกหรือต้มก่อนจะช่วยลดความขมได้ บางท้องที่ก็เรียก “ผักสีเสียด” มีมากในช่วงปลายฤดูฝนเข้าฤดูหนาว

  • บอนจีน

พบตามท้องนาน้ำตื้น ๆ มีเหง้าสั้น ๆ อยู่ใต้ดิน ต้นสูง 30-60 เซนติเมตร ทุกส่วนอวบน้ำ เลี้ยงง่าย โตเร็ว ชอบดินเหนียวชุ่มชื้นแฉะ มีน้ำตื้น ๆ มีอินทรียวัตถุสูง แสงแดดครึ่งวัน ขยายพันธุ์ด้วยการแยกกอมาปลูก สามารถปลูกเป็นไม้ประดับในบ่อน้ำหรืออ่างบัวเล็ก ๆ ได้ดี ชาวอีสานนิยมเก็บยอดและช่อดอกอ่อนมากินเป็นผักสดกับน้ำพริก ส้มตำ ลาบ ก้อย หรืออาหารรสจัดต่าง ๆ มีรสฝาดเล็กน้อย มีตลอดปีแต่มีมากในฤดูฝน

  • ผักชีล้อม

ไม้น้ำ ลำต้นและใบอวบน้ำ สามารถแยกกอมาปลูกในดินเหนียวที่อุดมสมบูรณ์และมีน้ำตื้น ๆ อาจปลูกในอ่างบัวเป็นไม้ประดับในสวน ในตำแหน่งที่มีแสงแดดส่องถึงราวครึ่งวัน ต้นจะเจริญเติบโตได้อย่างดี เป็นผักที่ชาวอีสานนิยมเก็บมากินเป็นผักสดกับน้ำพริก ซุบหน่อไม้หรือลาบ ด้วยกลิ่นหอมอ่อน ๆ เวลาเคี้ยว ซึ่งแตกต่างกับผักชีที่ใช้กันทั่วไป จึงช่วยให้เจริญอาหารและขับลมในลำไส้ บ้างก็เด็ดยอดมาผัดน้ำมัน ชาวบ้านในจังหวัดเลยเรียกผักชนิดนี้ว่า “ผักชีช้าง” ส่วนในจังหวัดตากเรียก “ผักอ่าน” ซึ่งนิยมบริโภคเช่นกัน

  • ผักแปะ

ไม้น้ำ พบทั่วไปตามท้องนาทั่วทุกภาคของไทย มีรากหยั่งลึกลงใต้น้ำ ทุกส่วนของต้นอวบน้ำและกรอบหักง่าย เจริญเติบโตได้ดีในน้ำลึกไม่เกิน 60 เซนติเมตร แสงแดดจัด ขยายพันธุ์ด้วยการแยกต้นมาลอยในน้ำ ปัจจุบันนิยมปลูกเป็นไม้น้ำจัดสวนกันมาก ยอดอ่อนกินเป็นผักสดกับน้ำพริก ส้มตำ ลาบ ก้อย หรืออาหารรสจัดต่าง ๆ มีมากในฤดูฝน และควรล้างน้ำให้สะอาดก่อนนำมาบริโภค เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกในน้ำ

  • มะตูมแขก

ไม้พุ่ม อายุหลายปี ชอบดินร่วน ระบายน้ำดี มีอินทรียวัตถุสูง แสงแดดจัด ยอดและผลทั้งผลอ่อนและผลแก่กินเป็นผักสดกับลาบ ใบมีกลิ่นหอม รสมัน ใช้เป็นเครื่องเคียงอาหารประเภทลาบ ก้อย ป่นปลา นอกจากนี้อาจใช้เปลือกมาต้มน้ำดื่ม ดื่มครั้งละครึ่งถ้วย วันละ 2 ครั้ง ช่วยขับปัสสาวะและเป็นยาระบายอ่อน ๆ

  • ผักติ้ว

ผักติ้วคือไม้ยืนต้นพื้นบ้านที่นิยมเด็ดยอดอ่อน และใบมาทำอาหาร มีชื่อเรียกว่า “ผักติ้ว” “ผักแต้ว” ยางและใบใช้เป็นยาสมุนไพร และเปลือกไม้ใช้เป็นสีย้อมผ้า และใช้ทำเป็นถ่าน

ไม้ต้น ผลัดใบ สูงได้ถึง 25 เมตร ชอบดินร่วนปนทราย ระบายน้ำดี อินทรียวัตถุสูง มีแสงแดดจัด ขยายพันธุ์โดยการแยกต้นที่เกิดจากรากมาปลูกใหม่ ต้นจะโตเร็วกว่าการเพาะเมล็ด ทนแล้ง แต่ไม่ทนน้ำท่วมขัง ผักติ้วมีมากในช่วงฤดูฝนถึงฤดูหนาว ยอดอ่อนและดอกมีรสเปรี้ยว กินเป็นผักสดกับอาหารรสจัดต่าง ๆ ได้อย่างเอร็ดอร่อย ทั้งหมี่กะทิ น้ำพริก แกงเลียง แกงเผ็ดต่าง ๆ รวมทั้งอาหารเวียดนาม เช่น แหนมเนือง หรือนำมาประกอบอาหาร เช่น แกงส้ม ต้มยำ หรือใส่ในซ่าผักก็อร่อย นอกจากนี้ เนื้อไม้ยังแข็งแรง นิยมใช้ทำเสา ด้ามอุปกรณ์การเกษตร ส่วนเปลือกต้นใช้ทำสีย้อมผ้ามัดหมี่ ให้สีน้ำตาล

  • ผักแขยง

วัชพืชเล็ก ๆ ต้นสูงเพียง 20-30 เซนติเมตร ลำต้นเล็กทอดเลื้อย ชอบขึ้นอยู่ตามริมน้ำตื้น ๆ หรือพื้นที่ชุ่มชื้น แสงแดดส่องถึงครึ่งวันหรือตลอดวัน ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดหรือปักชำกิ่ง โดยนำผักแขยงที่ซื้อมาจากตลาดส่วนหนึ่งปักชำลงในดินเหนียวนุ่ม มีน้ำขังเล็กน้อย วางในที่มีแสงแดดรำไร คอยหมั่นเติมน้ำในดินฉ่ำอยู่เสมอ ไม่นานก็จะเจริญเติบโตและผลิดอกได้มีมากในฤดูฝน ต้นและใบมีกลิ่นหอม ชาวอีสานและชาวเหนือจึงนิยมเด็ดยอดอ่อนมากินเป็นผักสดร่วมกับส้มตำ ลาบ แจ่ว ป่น เพื่อช่วยดับกลิ่นคาว หรือเป็นเครื่องปรุงในแกงหน่อไม้ น้ำพริกปลาร้า อ่อมกบ อ่อมปลา

Design By Jintana