อันดับ 6 ฟักทอง
ฟักทองเป็นมากกว่าผลไม้ตกแต่งในวันฮาโลวีนเพราะมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างล้นเหลือ เชื่อกันว่ามีต้นกำเนิดมาจากทวีปอเมริกาเหนือ เมล็ดพันธุ์จากพืชที่เกี่ยวข้องได้รับการค้นพบในเม็กซิโกย้อนหลังไปตั้งแต่ 7000 ถึง 5500 B.C. ชื่อฟักทองมาจากภาษากรีกคำว่า “แตงใหญ่” ซึ่งเป็น “pepon” “Pepon” ถูกเปลี่ยนเป็นภาษาฝรั่งเศสเป็น “pompon” ภาษาอังกฤษเปลี่ยน “pompon” เป็น “Pumpion” ชาวอเมริกันอาณานิคมเปลี่ยน “pumpion” เป็น ” Pumpkin ” ชาวอเมริกันพื้นเมืองใช้ฟักทองเป็นวัตถุดิบในอาหารหลายศตวรรษ โดยเฉพาะชนเผ่าอินเดียแดงที่บริโภคฟักทองมาอย่างยาวนาน
คุณประโยชน์ของ Pumpkin ฟักทอง
- ฟักทองมีสารอาหารสูง อุดมไปด้วยวิตามิน และเกลือ นอกจากนี้ยังมีโพแทสเซียมที่มีผลดีต่อความดันโลหิต สารต้านอนุมูลอิสระในฟักทองสามารถช่วยป้องกันความเสียหายที่เกิดจากความเสื่อมของดวงตาได้ และเป็นแหล่งเบต้าแคโรทีนซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ การบริโภคอาหารที่อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนอาจลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งบางชนิด ป้องกันโรคหอบหืด โรคหัวใจ ชะลอความชราและความเสื่อมของร่างกาย ฟักทองอุดมไปด้วยไฟเบอร์ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดดีต่อคนเป็นโรคเบาหวาน รวมทั้งช่วยให้การเคลื่อนไหวของลำไส้ให้เป็นปกติและช่วยระบบการย่อยอาหาร การบริโภคเส้นใยที่มีประโยชน์ต่อร่างกายยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่
อันดับ 7 ผักกาดเขียวปลี (Mustard greens)
ผักกาดเขียวปลี หรือผักโสภณ ชื่อภาษาอังกฤษว่า mustard green เป็นผักในวงศ์ผักกาดกะหล่ำ (crucifer) เช่นเดียวกับผักกาดขาว ผักกาดใบและผักกวางตุ้งผักกาดเขียวปลี มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า brassica var. rugosa ชื่อสามัญภาษาอังกฤษเรียก leaf mustard หรือ Chinese mustard green บางทีเรียก mustard green เฉย ๆ ในภาษาพูด คนจีนเรียกผักชนิดนี้ว่า “ ตั๋วฉ่าย” ( tua chai ) ภาษาเขียนเรียก “ไก๋ฉ่าย” (gai chai ) คนไทยเรียกผักกาดเขียวปลีบางท้องถิ่นอย่างล้านนาเรียกปั่น คนจีนเก่าแก่เรียกว่าผักโสภณ ผักกาดเขียวปลีมีหลายพันธุ์ ในตะวันตกมีพันธุ์เก่าแก่ที่ปลูกเพื่อเอาเมล็ดมาทำผงเครื่องเทศและเครื่องจิ้ม คือ มัสตาร์ดที่ออกรสเผ็ด นิยมกินกับไส้กรอก เมล็ดมัสตาร์ดหรือเมล็ดพันธุ์ผักกาดเป็นเครื่องเทศ ผักกาดเขียวปลีเป็นพืชระยะสั้นอายุปีเดียวใช้เวลาปลูกเพียง 60 – 70 วัน นิยมปลูกเพื่อนำมาทำผักดองเป็นพันธุ์ปลีกลม ทางจังหวัดภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ลำปาง แพร่ และตาก ผักกาดเขียวปลีสด ต้องนำมาลวกน้ำร้อนแล้วแช่น้ำเย็นเพื่อลดรสขมก่อนนำไปผัด
คุณประโยชน์ของ ผักกาดเขียวปลี หรือผักโสภณ
- ผักกาดเขียวปลี หรือผักโสภณ เป็นแหล่งอุดมสมบูรณ์ของวิตามิน A, C และ K ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการทำงานที่ดีต่อสุขภาพของร่างกาย มีวิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพซึ่งช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัส เช่น ไข้หวัดใหญ่ วิตามินเอ ช่วยให้สายตาดี วิตามินเคมีบทบาทสำคัญในการสร้างมวลกระดูก จำกัดความเสียหายของเส้นประสาทในสมอง มีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยป้องกันการโจมตีของมะเร็งในร่างกาย ยังเป็นแหล่งที่ดีของ phytonutrients หรือผลิตสารอาหาร กรดไฮโดรไซซินมานิค, ไอโซเมธิน, quercetin และ kaempferol เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญช่วยลดความเครียดจากการเกิดออกซิเดชันในเซลล์ในร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันมะเร็งเต้านม ลำไส้ใหญ่ กระเพาะปัสสาวะมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งรังไข่และมะเร็งปอด ยังประกอบด้วยกำมะถันช่วยกระตุ้นกระบวนการล้างสารพิษในร่างกาย และที่สำคัญช่วยให้สุขภาพร่างกายโดยรวมดูดี ทำให้มีผิวและผมสวยงาม
อันดับ 8 มันฝรั่งหวาน
มันฝรั่งหวานเป็นหนึ่งในอาหารสุขภาพที่รู้จักและได้รับการจัดอันดับให้เป็นผักโภชนาการสูงสุด เปลือกของมันฝรั่งหวานมีจำนวนของสารอาหารที่เป็นประโยชน์ที่ ทำความสะอาดเปลือกให้สะอาดก่อนปรุงอาหาร มันฝรั่งหวานมาจากพืชตระกูล Morningglory (Convolvulaceae) ที่รากมีหัวขนาดใหญ่ เป็นเถาไม้ยืนต้นใบรูปกลมสลับ รากหัวที่กินได้ มีความยาวและเรียวด้วย ผิวเรียบเนียนมีหลายสี เช่น สีเหลือง สีส้ม สีแดง สีน้ำตาล สีม่วงและสีเบจ เนื้อมีตั้งแต่สีเบจ สีขาว แดง ชมพู ม่วง เหลืองส้มและม่วง มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนในอเมริกา มีประวัติอันยาวนานและมีต้นกำเนิดที่น่าสนใจ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าพบหลายพันปีมาแล้วที่อเมริกากลาง ซึ่งเป็นพืชถูกนำเข้ามาในประเทศจีนในปลายศตวรรษที่ 16 และแพร่กระจายไปทั่วเอเชียแอฟริกาและละตินอเมริกาในช่วงศตวรรษที่ 17 และ 18
คุณประโยชน์ของ มันฝรั่งหวาน
- การกินมันฝรั่งหวานแบบไม่ปอกเปลือก มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย รวมถึงการเคลื่อนไหวของลำไส้ การลดคอเลสเตอรอลและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ประกอบด้วยเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เปลี่ยนเป็นวิตามินเอในช่วยในการปรับปรุงสายตาและป้องกันหรือรักษาสภาพตาช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันและช่วยรักษาหรือป้องกันโรคมะเร็งได้ด้วย มีวิตามินซี วิตามินอี และโฟเลตซึ่งสามารถป้องกันโรคได้หลายชนิดโดยการปรับปรุงระบบภูมิคุ้มกันให้ดี มีโพแทสเซียมและเหล็ก สามารถลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและเส้นเลือดในสมองอุดตัน
อันดับ 9 ผักแรดิชชิโอ (Radicchio)
Radicchio: ชื่อวิทยาศาสตร์ Cichorium intybus var. folisum ชื่อสามัญ Radicchio เป็นผักในตระกูลผักกาดหอม ลักษณะรูปทรงคล้ายกะหล่ำแต่มีม่วงแดงเส้นใบสีขาว Radicchio เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพมานานแล้ว Pliny Elder, นักเขียนชาวโรมันและปราชญ์ธรรมชาติอ้างว่าในสารานุกรม “Natural History” ของเขาว่าเป็นประโยชน์ในการชำระล้างเลือดและรักษาอาการนอนไม่หลับ ในขณะที่เอกสารฉบับนี้เขียนขึ้นในช่วงศตวรรษแรกความจริงแล้วสารอาหารที่พบในพืช radicchio คือ intybus คือยาแก้ปวดและยาระงับประสาทที่ไม่รุนแรง การเพาะปลูกเป็นประจำเริ่มขึ้นในศตวรรษที่ 15 และ ในปีพ.ศ. 2520 นิวยอร์กไทม์ส “ค้นพบ” radicchio จากนั้นจึงนำเข้าสู่ครัวและร้านอาหารตะวันตกมากมายมาประกอบเป็นอาหารยอดนิยมมากมาย
คุณประโยชน์ของผักแรดิชชิโอ
- สามารถต่อสู้กับการเติบโตของเซลล์มะเร็ง สำหรับคนที่เป็นโรคมะเร็งตับมักใช้สลัด radicchio เป็นประจำ เพราะสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในผักชนิดนี้มีการต่อสู้กับเซลล์มะเร็งตับที่รู้จักกันในชื่อ Hep-G2 สิ่ง Radicchio ยังมีวิตามินเค ลดความเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมาก ลำไส้ใหญ่ กระเพาะ และช่องปาก อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ radicchio ที่ช่วยซ่อมแซมอาการบาดเจ็บของตับที่เกิดจากความเครียด การช่วยในการจัดการน้ำหนักส่วนเกินและลดความเสี่ยงของการเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจเฉียบพลันช่วยให้ร่างกายสร้างและรักษากระดูกให้แข็งแรง ทั้งนี้ ในการศึกษานำร่องในปี พ. ศ. 2516 radicchio ได้รับการศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบต่อปรสิต นักวิจัยพบว่ามีฤทธิ์ในการป้องกันปรสิตของพืชบนพยาธิตัวกลมชนิดหนึ่งในสุกร การค้นพบนี้อาจบ่งบอกถึงประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นของพืชในการต่อสู้กับการเจริญเติบโตของปรสิตอื่น ๆ
อันดับ 10 แครอท
แครอท แครอทเป็นหนึ่งในผักที่นิยมใช้มากที่สุดทั่วโลก เพราะสามารถเติบโตได้ง่ายและหลากหลายมาก จำแนกทางวิทยาศาสตร์ว่าเป็น Daucus carota และเป็นผักที่มาจากราก แครอทที่บริโภคกันมากที่สุดทั่วโลกคือ พันธุ์พื้นเมืองของพันธุ์ป่า และพันธุ์พื้นเมืองในยุโรปและเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ แครอทส่วนใหญ่ได้รับการปลูกในประเทศจีนแล้ว และถูกส่งออกไปทั่วโลก
คุณประโยชน์ของ แครอท
- ประโยชน์ของแครอทมาจาก เบต้าแคโรทีน เส้นใย สารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน A, C, K และ B8 รวมทั้งกรด pantothenic โฟเลต โปแตสเซียม เหล็กทองแดง และแมงกานีส
- แครอทยังอุดมไปด้วยโพแทสเซียม สามารถช่วยลดความดันโลหิต เป็นแหล่งวิตามินซีที่อุดมไปด้วยซึ่งช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวสามารถเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกายได้
- มีไฟเบอร์ช่วยในการย่อยอาหาร การบริโภคเบต้าแคโรทีนได้รับการเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่ลดลงของโรคมะเร็งหลายชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคมะเร็งปอด
- แครอทยังอุดมไปด้วยวิตามินเอจึงเหมาะสำหรับการปรับปรุงสายตาและป้องกันสภาพตาบอดกลางคืน ในแครอทมีสารต้านอนุมูลอิสระจากแร่ธาตุที่ดีและยังช่วยกระตุ้นเหงือก เพิ่มน้ำลายมากเพื่อต่อสู้กับแบคทีเรียซึ่งอาจทำให้เกิดฟันผุ กลิ่นปากและความเสี่ยงต่อสุขภาพช่องปาก
- นอกจากนี้การบริโภคแครอทยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง และสามารถควบคุมเบาหวานได้ด้วย ดังนั้นทั้งแครอทดิบหรือทำเป็นน้ำผลไม้ หรือในรูปแบบปรุงสุก เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับสุขภาพของทุกๆ คน และทุกๆ วัย
Design By Jintana